วัดความเก่งของ เด็กวัยอนุบาล

ชอบที่คำถามของคุณแม่ท่านหนึ่งที่ถามคุณครูจินว่า การแยกห้องเรียนในชั้นอนุบาล และการวัดความเก่งของเด็กในวัยอนุบาลนี้ สามารถทำได้หรือไม่ โดยคุณแม่ถามท่านหนึ่งได้ถามว่า อยากทราบเรื่องการแยกห้องเรียนอนุบาล…เป็นห้องเด็กเก่งกับห้องเด็กไม่เก่งคะ รู้สึกว่าห้องเด็กไม่เก่ง คุณครูจะไม่ค่อยอยากสอนเพราะเด็กจะหัวช้าสอนยาก อันนี้จริงไหมคะ..

คุณครูจินตอบได้ใจความและเข้าใจมากขึ้นมาอีกขั้น ว่าการจัดชั้นเรียนของนักเรียนระดับอนุบาลนั้น…วิธีที่เหมาะสมที่สุด ควรจัดเด็กตามกลุ่มอายุเพราะเด็กจะมีพัฒนาการตามวัย จึงง่ายต่อการจัดกิจกรรมให้เด็กและความเก่งของเด็กวัยนี้.. ไม่สามารถวัดได้จากการเขียนหนังสือสวย อ่านหนังสือเก่ง ฯลฯ แต่ต้องประเมินพัฒนาการเด็กในด้าน ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา
จึงจะวัดความแตกต่างได้ค่ะ

และเด็กวัยอนุบาลไม่ควรประเมินด้วยคะแนนหรือจัดอันดับเพราะไม่ว่าประเมินวิธีใดหรือกิจกรรมใดก็ตามเด็กแต่ละคนจะทำได้ดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ สมาธิในเวลานั้นๆ ด้วย ซึ่งไม่ว่าเด็กแต่ละคนเป็นอย่างไร หน้าที่ของคุณครู คือ…ต้องหาวิธีพัฒนาเด็กทุกคนให้ได้ใช้ความสามารถเต็มศักยภาพ

การเรียนรู้ของเด็กวัยนี้เป็นเสมือน “ก้าวแรกลูกน้อย” เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสังคม การอยู่ร่วมกับผู้อื่น ครูจึงไม่ควรแยกว่าใครเก่ง ใครอ่อน เด็กวัยนี้อาจจะต่างกันในเรื่องวุฒิภาวะซึ่งอาจเกิดจากการเลี้ยงดูและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับมาต่างกัน

ครูอนุบาลส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่า…เด็กเป็นคนเก่งแล้วอยากสอน หรือไม่เก่งไม่อยากสอนจึงมองว่าถ้าครูมีวิญญาณของความเป็นครูจะมองความน่ารัก ความบริสุทธิ์ ความสดใสของเด็กๆ ทำให้คุณครูคิดว่าเป็นงานที่ท้าทายความสามารถอย่างมีคุณค่า

ถ้าคุณครูมีจิตวิทยากับเด็ก เข้าใจเด็กแต่ละวัยและเข้าใจความแตกต่างของเด็กแต่ละคนไม่น่าเป็นเรื่องยากเลยนะคะคิดว่าคุณครูอนุบาลทุกคนจะสอนเด็กทุกคนให้เป็นคนเก่ง เป็นคนดี และมีความสุขที่จะอยู่ในสังคมได้ หวังว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านคงไม่กังวลเรื่องคุณครูที่จะเลือกสอนเฉพาะเด็กเก่งอีกแล้วนะคะ

ก็ได้รับคำตอบที่เป็นที่น่าพอใจยิ่ง ของคุณครูจิน โรงเรียนอนุบาลบ้านวังทอง คิดไม่ผิดเลยที่เลือกให้เจ้าตัวเล็กเรียนในสถานที่แห่งนี้ เพราะครอบครัวเราเอง ก็ไม่ได้อยากให้ลูกเก่งกาจถึงขนาดเป็นอัจฉริยะกันเลยทีเดียว แต่เพียงว่าให้เค้ารู้หน้าที่ของตัวเอง เติบโตมาแบบเข้าใจผู้อื่น มีน้ำใจ ช่วยเหลือตัวเองได้ เอาชีวิตรอดได้ในสังคมปัจจุบัน เติบโตเป็นคนดีคนหนึ่งของสังคมและครอบครัว ไม่จำเป็นต้องเก่งกาจอะไร หากจะเก่งกาจดีเลิศ แต่ไม่มีอิสระในใจ ชีวิตก็ไร้ค่า

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องในบล็อกพี่เปรม

แม่ลูกผูกพัน

รูปน้องเปรมอีกหน่อย กำลังเห่อ

เรื่องอาหาร ปกติจะให้ทานนมแพะ ตั้งแต่แรกเกิด คือนับจากการทานนมแพะก็ประมาณเกือบ 8 เดือนหลังจากทานแต่นมแม่มาตั้งแต่เริ่มคลอด น่าเสียดายที่ตอนคลอดแต่แรกไม่ได้ทานนมแม่ เพราะต้องอยู่ในตู้อบตั้ง 1 เดือน นมแม่ที่บีบเก็บไว้เลยต้องบริจาคให้ห้องเด็กเล็กที่โรงพยาบาลทั้งหมด

เด็กกับอารมณ์

อารมณ์สำคัญกับลูกน้อยอย่างไร

เขียนโดย กัมพล ในสังคมปัจจุบันเราเน้นความรู้เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นทุกสังคมไม่ว่าจะเป็นระดับพื้นบ้านจนถึงสังคมชั้นสูง จึงเอาใจใส่เรื่องการเรียนของเด็กเป็นหลัก โดยพยายามจะให้เด็กเริ่มต้นเรียนตั้งแต่อายุยังน้อยๆ พยายามหาโรงเรียนดีๆ ให้กับลูก พยายามสืบหาแหล่งเรียนรู้ต่างๆ

สถานศึกษา

โรงเรียน อนุบาลบ้านวังทอง ปิดเรียน 2 วัน

เมื่อวานคุณแม่รับลูกจากบ้านน้าแล้ว ก็น้องเปรมใช้บริการรถรับส่งนักเรียน แต่ไม่ได้บอกอะไรกับคุณพ่อมาก เพราะตอนนั้น นั่งทำงานอยู่ที่ office ยังไม่ได้กลับบ้าน ซักพักคุณแม่ก็โทรบอกจะไป Lotus ใกล้บ้านเพื่อที่จะเอาเช็คที่ได้ไปขึ้นเงิน ให้รีบกลับเพราะธนาคารจะปิดประมาณ

สถานศึกษา

จะทำอย่างไรเมื่อลูกไม่ยอมไปโรงเรียน

เมื่อวานน้องเปรมตัวร้อนๆ คล้ายว่าจะเป็นไข้ ไอมาตั้งแต่ก่อนค่ำจนกระทั่งถึงตอนก่อนนอนเจ้าเปี๊ยกก็ไอแล้วก็อ๊วกออกมาหมดกับอาหารค่ำที่แสนอร่อยของแก เดือดร้อนถึงผู้เป็นแม่ต้องเก็บกวาดที่นอนเสียใหม่หมด กระทั่งเช้าตัวก็ยังไม่หายร้อนทั้งๆ ที่ให้ยาไปแล้ว เลยต้องบอกคนขับรถ

โรคในเด็กเล็ก

โรคข้ออักเสบ ไม่ทราบสาเหตุในเด็ก

มาทำความรู้จักและรับมือกับโรคข้ออักเสบ โดยไม่ทราบสาเหตุในเด็กกันดีกว่า เพราะดูเหมือนว่าโรคนี้จะลุกลามใหญ่โตในหมู่เด็กๆ สมัยนี้กันมากแล้ว เนื่องจากหลายๆ คน อาจเคยได้ยินเกี่ยวกับโรครูมาตอยด์ หรือโรคข้ออักเสบเรื้อรัง และคิดว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่เท่านั้นี้

โรคในเด็กเล็ก

ไอหรือจาม ประมาณไหน ถึงต้องให้แพทย์ดู

จากการที่ได้คุยกับคุณหมอมาหลายๆ ครั้ง ในตอนที่น้องเปรมเอง ไม่สบายหยุดเรียนไปประมาณอาทิตย์กว่าเห็นจะได้ ก็ได้ความรู้ใหม่มาแบ่งปันกัน ก็คือว่า พ่อแม่มือใหม่มักจะมีคำถามบ่อยๆ ว่า ลูกไอ หรือ ลูกจาม ต้องรุนแรงประมาณไหนถึงจะพาไปหาคุณหมอได้ แล้วถ้าเรามีจุดสังเกตุอาการไอ หรือ จาม