เผยผลวิจัยจากการศึกษาเรื่องคนที่นิยมขวามากๆ แนวโน้มที่เกิดขึ้นมาจากตอนเด็กๆ ที่เป็นคนมีสติปัญญาต่ำ เพราะผลการวิจัยเจ้าปัญหาที่ว่า เด็กสติปัญญาต่ำมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นเป็นพวกอนุรักษนิยม เหยียดผิว มีอคติต่อหลายๆ สิ่ง น่าจะเป็นผลจากการศึกษาที่เรียกแขกได้ยกใหญ่ เมื่อกลุ่มนักวิชาการแคนาดากลุ่มหนึ่ง ได้เปิดเผยว่าผลการวิจัยของเขา ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ชื่อว่า ไซโอโลจิคัล บอกให้เห็นชัดๆ เลยว่า เด็กๆ ที่มีสติปัญญาต่ำนั้น มีแนวโน้มที่จะโตขึ้นเป็นพวกนิยมขวาจัด ซึ่งมีความฉลาดน้อยกว่าพวกนิยมซ้าย หนำซ้ำยังมีแนวโน้มเป็นพวกเหยียดสีผิวและต่อต้านเกย์อีกด้วย อีกทั้งอาจโตขึ้นมาเป็นผู้มีอคติต่อกลุ่มอื่นๆ หรือต่อต้านพวกที่ไม่เหมือนตัวเอง เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่โดยขาดเหตุผลในการไตร่ตรอง ซึ่งประมาณการได้ว่า ไม่ยอมรับรู้สิ่งใดนอกจากความคิดความเชื่อของตัวเอง
ผลการศึกษาชิ้นนี้ได้ทำการวิเคราะห์และวิจัยข้อมูลการศึกษาเดิมที่มีอยู่แล้วในประเทศอังกฤษ ของเด็กในช่วงระหว่างปี 2501-2513 ที่ได้ทำการวิเคราะห์และเฝ้าประเมินสติปัญญาของเด็กๆ ที่อยู่ระหว่างอายุ 10-11 ขวบเอาไว้ จนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในปัจจุบัน และนำผลการวิเคราะห์ที่ได้มาประกอบเข้าด้วยกับการสอบถามวิสัยทัศน์ของเด็กเหล่านั้นเมื่อเติบโตขึ้นจนมีอายุได้ราว 30 ปีขึ้นไป
ผลที่ได้ก็น่าชวนทะเลาะเป็นอย่างยิ่งที่ว่า การสรุปผลได้ว่าคนที่มีเชาว์ปัญญาน้อย มักจะมีแนวความคิดที่โอนเอียงไปทางฝ่ายขวา และที่สำคัญที่สุดระดับการศึกษาและสถานะทางสังคมนั้น ก็ไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาแต่อย่างใดในเรื่องทัศนคติพวกนี้ ด้วยว่าคนๆ นั้นจะเป็นพวกเหยียดสีผิวหรือไม่ แต่สิ่งที่มีอิทธิพลมากที่สุดคือ สติปัญญาที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดนั่นเองที่เป็นตัวกำหนดทัศนคติดังกล่าวนี้
รายงานบรรยายเอาไว้ว่า แนวคิดอุดมคติของกลุ่มคนฝ่ายขวานั้นจะมีความสามารถในการแจงความเป็นเหตุ เป็นผลต่ำมาก และในที่สุดก็จะกลายเป็น อคติ ต่อคนกลุ่มอื่น และมีทัศนวิสัยที่แคบ ไม่ยอมรับในสิ่งที่ต่างออกไป โดยความสามารถต่อการรับรู้และเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญต่อความรู้สึกนี้ถูกฝังอยู่ในตัวบุคคล และมีอิทธิพลต่อบุคคลนั้นว่าจะเปิดใจรับหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่แล้วเด็กที่มีสติปัญญาต่ำมักเติบโตขึ้นมาแล้วมีความอนุรักษนิยมมากกว่าเด็กที่มีสติปัญญาปานกลางถึงสูง เรียกได้ว่า พวกนี้จูงจมูกง่ายมากๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้วมีความเข้าใจในเหตุในผล น้อยนั้นเอง
แนวคิดแบบอนุรักษนิยมนั้น ปูทางมาตั้งแต่การมีสติปัญญาในช่วงยังเด็ก ซึ่งจะสามารถทำนายได้ว่าเด็กคนนั้น จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่และมีทัศนคติแบบไหน
อ่านบทความนี้แล้วก็ถึงบางอ้อ เพราะผู้ใหญ่บางคนโดยมากก็คิดว่าตัวเองเก่งไปเสียทุกเรื่อง ไม่ยอมรับความจริงว่ายังมีคนเก่งกว่า พอมีความคิดไม่ตรงกันก็มักจะตัดสินต่อต้านความคิดอื่น โดยไม่ยอมรับหรือเข้าใจเหตุและผล กลายเป็นการอคติไปในที่สุด พบเห็นได้โดยทั่วไป ซึ่งนั่นสามารถคาดการณ์อย่างหนึ่งได้ว่า ตอนเด็กๆ พวกเขาเหล่านั้นมักจะเป็นคนที่ มีสติปัญญาต่ำ มาจนกระทั่งเติบใหญ่ ซึ่งปัจจัยอื่นๆ อย่าง ระดับการศึกษา สถานะทางสังคม และสภาพแวดล้อม ก็ไม่มีส่วนช่วยให้ความมี อคติ เหล่านี้สามารถจางหายไปได้
นั่นเพราะเค้ามี สติปัญญาต่ำ มาตั้งแต่เกิด ที่ติดตัวเขามานั่นเอง
อ้างอิงจาก นิตยสาร Z กันทุกเช้าของ โพสต์ทูเดย์ วันจันทร์ที่ 6 ก.พ.55
เนื้อหาที่เกี่ยวข้องในบล็อกพี่เปรม
พัฒนาการเด็ก
เข้าคอร์ส ออกกำลังกายสมอง
หลักสูตรนี้ คุณพ่อสอนลูกเอง โดยอาศัยหลักการออกกำลังกายสมองตามสไตล์ญี่ปุ่น ที่หลงไหน นำมาดัดแปลงใช้กับลูก เริ่มแรกก็ต้องเจ้าคนโตก่อน ส่วนคนเล็กยังเล็กมาก เค้าบอกว่า สมอง นั้นเป็นรูปธรรมของสิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิต การออกกำลังกายสมองที่ว่านั้นความจริงก็คือการกระตุ้นสมองให้ตื่นตัวนั่นเอง
อาหารสำหรับคุณแม่
อาหารสำหรับแม่ให้นมบุตร
เคยว่ากันไปแล้วเกี่ยวกับ อาหารสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หรือ อาหารสำหรับคนท้อง วันนี้จะมาเสนอเรื่องหลังจากเจ้าตัวเล็ก ลืมตาขึ้นมาดูโลกอันสวยงามนี้แล้ว นั่นคือ อาหารสำหรับแม่ให้นมบุตร นั่นเอง เพราะยังไง เดือนนี้ก็ยังเป็นเดือนของคุณแม่อยู่
เด็กกับอารมณ์
สื่อสารกับลูก ให้ได้ผล
อ่านเคล็ดลับการสอนลูก แล้วเอามาใช้กับลูกตัวเองอย่างเจ้าแสบ น้องเปรม มีเคล็ดลับการสื่อสารให้ลูกได้เข้าใจเมื่อเค้า รั้น ได้ดีเหมือนกัน แม้ว่าเมื่อลูกไม่ทำตามที่ต้องการ อาจะยังต้องใช้วิธีการขู่เข้าช่วย เช่น ตอนกลางคืนถ้าไม่นอนผีจะมา หรือถ้ายังกินขี้มูกอีก ผีจะมาเลียนิ้ว ทั้งที่รู้ว่าไม่ค่อยดี และไม่เป็นความจริง แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ
สถานศึกษา
เด็กสติปัญญาต่ำ จะโตเป็นคนที่มี อคติ สูง
เผยผลวิจัยจากการศึกษาเรื่องคนที่นิยมขวามากๆ แนวโน้มที่เกิดขึ้นมาจากตอนเด็กๆ ที่เป็นคนมีสติปัญญาต่ำ เพราะผลการวิจัยเจ้าปัญหาที่ว่า เด็กสติปัญญาต่ำมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นเป็นพวกอนุรักษนิยม เหยียดผิว มีอคติต่อหลายๆ สิ่ง น่าจะเป็นผลจากการศึกษาที่เรียกแขกได้ยกใหญ่ เมื่อกลุ่มนักวิชาการแคนาดากลุ่มหนึ่ง ได้เปิดเผยว่าผลการวิจัยของเขา ที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ชื่อว่า ไซโอโลจิคัล บอกให้เห็นชัดๆ เลยว่า
โรคในเด็กเล็ก
โรคคาวาซากิ ในเด็กเล็ก
ตัวอย่างเหตุการณ์ เด็กชายบอยอายุ 2 ปี มีไข้สูงมา 5 วัน มีผื่นแดงตามลำตัว ตาแดง มีผื่นแดงตามลำตัว คุณแม่พาไปพบแพทย์ตั้งแต่เป็นไข้วันแรก แพทย์บอกว่าคอแดงเล็กน้อยได้ยาลดไข้และยาแก้อักเสบมากิน ผ่านมา 5 วันลูกยังมีไข้สูง
เด็กกับอารมณ์
เรื่องไม่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ทำร้ายเด็ก
เรื่องนี้จริงๆ ไม่อยากเขียน เอาเป็นว่า ผู้ปกครองอยากระบายก็ละกัน และอีกอย่าง เรื่องของน้องเปรมเองก็ไม่ค่อยได้เขียนมานานแล้ว วันนี้เป็นโอกาสดีที่คุณพ่อจะมาบ่นๆ เกี่ยวกับเรื่องลูกและเรื่องคนใกล้ชิดกันซักนิด