โรคปอดบวม คืออาการอักเสบอย่างหนึ่ง ที่เกิดขึ้นบริเวณเนื้อปอด หลอดลม และถุงลมต่างๆ โรคนี้เกิดจากสาเหตุส่วนใหญ่ จะเป็นการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็กที่สำคัญ สำหรับข้อมูลการสำรวจขององค์การอนามัยโลกและยูนิเซฟ ปี 2550 พบว่าโรคปอดบวม เป็นโรคที่ทำให้เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปีเสียชีวิตในปีหนึ่งๆ มีจำนวนมากกว่า 2,000,000 คน/ปี นี่เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก จึงขอนำข้อมูลเรื่องสุขภาพของลูกน้อย ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้จัก รู้ทันและป้องกันการเจ็บป่วยมาบอกค่ะ
รู้จักอาการโรคปอดบวม
อาการเบื้องต้นมักเริ่มจากการมีน้ำมูกหรือมีไข้ ตัวร้อน คล้ายการเป็นไข้หวัดในเด็กเล็กทั่วไป แต่มีข้อสังเกตที่ต้องระวังกับอาการผิดปกติต่อไปนี้
- ไข้สูง ไอ หายใจเหนื่อย
- ไอมาก ลักษณะไอแห้งๆ หรือไอแบบมีเสมหะ
- ได้ยินเสียงหายใจครืดคราด เนื่องจากมีเสมหะมากและเหนียว
- ลูกหายใจเร็วกว่าปกติ (เด็กปกติจะมีอัตราการหายใจประมาณ 20-40 ครั้งต่อนาที)
- มีอาการหอบเหนื่อย เวลาหายใจจมูกจะบาน ช่วงหน้าอกและท้องจะบุ๋ม
- กินอาหารไม่เป็นปกติ มีอาการซึม
หากพบว่า ลูกน้อยมีอาการผิดปกติดังกล่าว คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรรีบพาลูกไปหาคุณหมอโดยเร็ว เพื่อเข้ารับการรักษาให้ทันท่วงที
ความรุนแรงของโรคปอดบวม
เกิดได้จากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นเชื้อที่ร่างกายสามารถกำจัดออกได้ แต่หากเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดที่รุนแรง อาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลวหรือเสียชีวิตได้ ซึ่งพบว่า เชื้อนิวโมคอคคัสเป็นชื่อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุใหญ่ ทำให้เกิดโรคปอดบวมและโรคติดเชื้อรุนแรง เช่นการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดหูน้ำหนวก ไซนัสอักเสบ หากลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด เยื่อหุ้มสมอง ก็ทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นกลุ่มโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสชนิดรุนแรงหรือที่เรียกว่า “ไอพีดี”
การวินิจฉัยโรค
ในเบื้องต้นจำเป็นต้องอาศัยประวัติ ข้อมูลอาการต่างๆ ของลูกน้อยจากคุณพ่อคุณแม่ ร่วมกับการตรวจร่างกายเพื่อวินิจฉัยโรค ในรายที่เป็นไม่มากการใช้เครื่องมือฟังปอดอาจจะยังไม่ชัดเจน ต้องใช้วิธีเอกซเรย์ปอดช่วยวินิจฉัยด้วย ทั้งนี้ จะทำเฉพาะในรายที่คุณหมอเห็นสมควร และจำเป็นเท่านั้นค่ะ
การรักษาโรคปอดบวม
- อาการไม่มาก สังเกตเสียงผิดปกติของปอดได้ ก็อาจใช้แค่ให้ยากินอย่างเดียว ไม่ต้องฉีดยา คุณหมออาจจะนัดฟังปอดอีกครั้ง
- หากสามารถเล่นและกินอาหารได้ดี แต่หายใจเร็วเล็กน้อย อาจฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อและรอดูอาการ และนัดฟังปอด เมื่ออาการดีขึ้นก็จะเปลี่ยนเป็นยากินแทน
- กรณีที่มีอาการเป็นมาก ไข้ไม่ลด ซึมลง จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพราะต้องให้ออกซิเจน และความชื้น ให้น้ำอย่างเพียงพอ และให้ยาทางหลอดเลือดดำ และอาจต้องเคาะปอดและดูดเอาเสมหะออก
การดูแลและป้องกันโรคปอดบวม
สิ่งสำคัญ ในการดูแลลูกน้อยที่ป่วยเป็นโรคปอดบวม คือการปฏิบัติตามคำสั่งของคุณหมออย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกลับมาอีกครั้ง ทั้งนี้ โรคปอดบวมสามารถป้องกันได้ในเบื้องต้นโดย
- สร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ โดยให้ลูกกินนมแม่
- เมื่อไม่สบายเป็นไข้ ควรเช็ดตัว และให้ลูกดื่มน้ำให้มาก และให้ยาตามอาการ
- ดูแลเรื่องสุขอนามัย ความสะอาด ความอบอุ่น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย เช่น ช้อน แก้วน้ำ ของเล่น
- การรับวัคซีนป้องกันโรค เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ทั้งนี้ควรปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากคุณหมอก่อน
อ้างอิงข้อมูลจาก Mother Care
เนื้อหาที่เกี่ยวข้องในบล็อกพี่เปรม
สถานศึกษา
ตรวจการบ้านลูกทุกครั้ง
เคยไหมครับ ถ้าคุณเป็นผู้ปกครองแล้วไม่มีเวลาแม้แต่จะสอนลูกทำการบ้าน ผมคิดว่าตอนแรกผมจะมีเวลาเต็มที่ แต่ไปๆ มาๆ มันก็พลาดเพราะบางทีเราก็เหนื่อยจากการทำงานและยิ่งอายุมากขึ้นก็ต้องประสบกับปัญหาเหนื่อยง่าย อะไรที่อยากจะทำก็ไม่ค่อยได้เต็มที่ เรื่องลูกก็เหมือนกัน
เด็กกับอารมณ์
ทำโทษลูก คนเสียใจที่สุดคือพ่อแม่
เช้าวันที่ 12 มกราคม 58 วันนี้ผมเสียใจที่สุดอีกหนึ่งวัน วันนี้น้องเปรมต้องไปโรงเรียน แต่เมื่อคืนมีงานศพญาติผู้ใหญ่ทำให้เด็กๆ ต้องนอนกันดึกเพราะพ่อแม่พาไปร่วมงานศพด้วย พอกลับถึงบ้านจัดการอะไรเรียบร้อย เด็กๆ ก็ไม่ยอมนอนเหมือนว่ายังไม่หายสนุกที่ได้เจอเพื่อนๆ และญาติๆ คนอื่นๆ
พัฒนาการเด็ก
สร้างศักยภาพสมองให้ลูก
ทารกรับรู้กลิ่นและรสได้อย่างไรนะ เป็นข้อสงสัยที่นำไปสู่การศึกษาวิจัยเพื่อหาคำตอบชองบรรดานักวิทยาศาสตร์ค่ะ โดยเขาเห็นว่าการรับรู้เรื่องกลิ่นและรสของทารกนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด
สถานศึกษา
กิจกรรมพิเศษหลังเลิกเรียน ที่อนุบาลบ้านวังทอง
ที่โรงเรียนอนุบาลบ้านวังทอง ในเทอมสองนี้มีกิจกรรมหลังเลิกเรียนตั้งแต่วันธรรมดา ไปจนกระทั่งถึงวันเสาร์มากมาย ด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อต้องการเสริมสร้างหลักสูตรให้แก่เด็กๆ โดยทางโรงเรียนพิจารณากิจกรรมที่เหมาะสมกับการพัฒนาการของเด็กในระดับปฐมวัย หรือวัยอนุบาลนี้ขึ้น โดยกิจกรรมพิเศษทุกๆ กิจกรรมเป็นกิจกรรมที่ผู้ปกครองสามารถเลือกที่จะให้ลูกๆ ได้เรียนอย่างเสรีได้ ไม่เป็นการบังคับ โดยกิจกรรมที่ทางอนุบาลบ้านวังทองเปิดในเทอม 2 นี้มีดังนี้
สถานศึกษา
ลาก่อนบ้านวังทองที่อบอุ่น
ในที่สุดก็ตัดสินใจได้แบบไม่ชัวนักแต่ก็เพื่ออนาคตของลูก หวังว่าสิ่งที่เลือกจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับเค้า จากเมื่อวานคุณพ่อลางานพาเจ้าแสบไปทำการทดสอบความพร้อมสำหรับการเข้าเรียน อนุบาล 3 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง อยากให้ลูกได้เข้าเรียนในชั้นเรียนสองภาษา เพราะวางแผนอนาคตไว้ว่าถ้าไหวจะให้เค้าเก่งในเรื่องภาษาไว้ก่อน เพราะคุณพ่อเองก็ไม่เก่งในเรื่องนี้เลย เลยต้องมาแก้ไขที่ลูกแทน
เด็กกับอารมณ์
อย่าปลูกฝังนิสัยฟุ่มเฟือย ตั้งแต่เด็ก
เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะเขียน แต่ก็เอาเสียหน่อย เพราะในบางความคิดก็สุดจะทน ที่ทุกๆ ช่วงเย็นตอนเจอหน้าลูกชายมักจะคุยกันเรื่องในแต่ละวันที่ผ่านมา คุณพ่อจะชอบถามว่าเป็นยังไงบ้างวันนี้ที่โรงเรียน เจ้าลูกชายก็จะเล่าโน่นนี่ตามวิสัยของพ่อลูกที่สนิทสนมกันเป็นอย่างดี