เขียนโดย กัมพล ในสังคมปัจจุบันเราเน้นความรู้เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นทุกสังคมไม่ว่าจะเป็นระดับพื้นบ้านจนถึงสังคมชั้นสูง จึงเอาใจใส่เรื่องการเรียนของเด็กเป็นหลัก โดยพยายามจะให้เด็กเริ่มต้นเรียนตั้งแต่อายุยังน้อยๆ พยายามหาโรงเรียนดีๆ ให้กับลูก พยายามสืบหาแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคมให้กับเด็ก ให้เรียนรู้ และเรียนรู้ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ทั้งภาษาต่างประเทศทั้งดนตรี กีฬาและวัฒนธรรม เกือบทั้งหมดเป็นเรื่องจัดหาจัดแจงให้เรียนรู้แต่วิชาการของโลกภายนอกตัว แต่สิ่งที่ดูจะขาดโดยชัดเจนคือ เราไม่ได้จัดการให้เด็กได้เรียนรู้จากธรรมชาติและโลกของตนเองโดยเฉพาะอารมณ์ อุปนิสัย สังคมสัมพันธ์ คุณธรรมและจริยธรรม รวมทั้งแนวคิดต่างๆ ของตนเองว่าเป็นอย่างไร มีความเหมาะสมหรือไม่ มีความสอดคล้องกับสังคมหรือเปล่า ธรรมชาติและโลกของตนเองที่ดำเนินไปนั้นมีผลกระทบต่อตนเองในเชิงบวกหรือเชิงลบอย่างไร
การให้เด็กเรียนรู้ธรรมชาติและโลกของตนเองเป็นเรื่องที่ไม่ยาก เพียงแต่ผู้ใหญ่พ่อแม่และฝ่ายบริหารของบ้านเมืองได้ตระหนักถึงความสำคัญด้านนี้โดยพยายามอบรมสั่งสอนข้อมูลต่างๆ ทางด้านศีลธรรม จริยธรรม ด้านระเบียบวินัย ให้รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้ความเกรงกลัวและละอายต่อสิ่งที่ไม่ดีงาม โดยมีผู้ใหญ่เป็นแบบฉบับให้เด็กได้เรียนรู้และนำมาเป็นแบบอย่าง ภายใต้สัมพันธภาพอันดีต่อกัน
เด็กๆ ที่เติบโตมาภายใต้บรรยากาศของความเงียบสงบ มีความสุข มีความอิ่มใจ มีความผ่องใสในอารมณ์ เด็กเหล่านี้จะมีจิตใจที่พร้อมจะเรียนรู้ และพัฒนาองค์ความรู้ต่อเนื่องไปอย่างมิรู้จบซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นพื้นฐานทางอารมณ์ให้เด็กได้เรียนรู้และพัฒนาทางวิชาการอย่างดีแล้ว แต่ยังทำให้เด็กสามารถพัฒนาแกนกลางของบุคลิกภาพและโครงสร้างของจิตใจที่ดีงามควบคู่ไปด้วย
ส่วนเด็กที่เติบโตภายใต้บรรยากาศของความทุกข์ ความตึงเครียด ความโกรธ ความหมองหม่น ความหวาดหวั่น และความขุ่นมัว ย่อมมีจิตใจที่ย่ำแย่ ไม่มีกำลังใจและแรงจูงใจที่จะเรียนรู้อะไรต่อมิอะไรต่อโลกภายนอก เด็กจะเกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีความตั้งใจ ไม่มีสมาธิที่จะเรียนรู้ในวิชาความรู้ต่างๆ จิตใจที่ปราศจากความสุขนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดพัฒนาบุคลิกภาพที่มีปัญหา จะมีความรู้สึกไม่อยากพัฒนาความดีงาม เป็นความมืดบอดต่อการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม
มีหลักแห่งความเป็นจริงอยู่อย่างหนึ่งว่าคนที่มีความสุขย่อมให้ความสุขต่อคนอื่น และสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ส่วนคนที่มีความทุกข์อยู่ในจิตใจ จะให้ความสุขต่อสิ่งแวดล้อมต่อคนอื่นได้ยาก เด็กๆ ก็เช่นกัน ถ้ามีความสุขก็จะมองโลกในแง่ดี และให้ความสุขกับพ่อแม่ พี่น้อง และเพื่อนๆ ได้ จะเป็นคนรักหมู่คณะ รักเพื่อน รักสัตว์ รักสิ่งมีชีวิต รักสังคมรอบๆ กายของเขา แต่ถ้าให้เขาเป็นเด็กที่มีความทุกข์เขามีแนวโน้มมองโลกในแง่ร้าย ไม่ค่อยพอใจต่อพ่อแม่พี่น้อง มีความเข้าใจคนอื่นๆ ไม่ค่อยรักตน เขาจะเป็นคนที่โกรธง่าย หงุดหงิดง่าย เป็นมิตรกับคนอื่นได้ยาก เข้ากับคนอื่นได้ยากมีอารมณ์รุนแรงได้ง่าย
เมื่อเรารู้ว่าอารมณ์เป็นองค์ประกอบต่อการพัฒนาการเรียนรู้และองค์ความรู้ทั้งในด้านวิชาการและการมองตนเอง รวมทั้งการพัฒนาบุคลิกภาพและจิตใจ ดังนั้นเราควรจัดองค์ประกอบด้านอารมณ์ที่ดีให้กับเด็กๆ กันดีไหม เพื่อพัฒนาการทางด้านอารมณ์เด็กวัยต่างๆ ด้วยในแต่ละปี
มีคำถามว่าแล้วอะไรเล่าที่เป็นองค์ประกอบด้านที่ดีของอารมณ์สำหรับเด็ก องค์ประกอบด้านอารมณ์ที่ดีที่เด็กต้องการนั่นก็คือ การอบรมเลี้ยงดูนั่นเอง เด็กต้องการการอบรมเลี้ยงดูให้ดีทั้งกายและใจคือได้รับความสุขความสบายของทั้งทางร่างกายหรือจิตใจ คือได้รับความสุขด้านร่างกายคือที่อยู่อาศัยเครื่องนุ่งห่ม และการกินอยู่หลับนอนรวมทั้งได้รับความดูแลเอาใจใส่ในระหว่างที่เจ็บไข้ได้ป่วยด้วย นอกจากความสุขสบายทางกายแล้ว ที่สำคัญยิ่งยวดคือความสุขสบายทางใจ เด็กๆ จะรู้สึกสบายใจและแช่มชื่นสดใสได้อย่างยั่งยืนและถาวรนั้นไม่ใช่เพียงแต่พ่อแม่ซื้อของเล่นให้หรือพาไปกินข้างเดินห้างเท่านั้น แต่เด็กมีความรู้สึกว่าเขาต้องการมีความรู้สึกรักพ่อแม่ด้วย เขาอยากให้พ่อแม่เข้าใจและยอมรับเขาในด้านที่ด้อย เขาอยากมีความรู้สึกว่าเป็นที่รับประกันได้เมื่ออยู่ในบ้านนี้กับพ่อแม่แล้วมีความอบอุ่น ปลอดภัย แจ่มใส มีคนรับฟังเขาสามารถพูดได้ บอกได้ มีเหตุผล และสิ่งที่ผู้ใหญ่มักจะนึกไม่ถึง
อีกประเด็นหนึ่งก็คือเด็กๆ ก็อยากมีความรับผิดชอบช่วยเหลือพ่อแม่ด้วยเหมือนกัน เพราะเป็นจุดเล็กๆ แต่มีค่ายิ่งใหญ่ในการสร้างความภาคภูมิใจให้กับเด็กๆ ความจริงความต้องการทางอารมณ์จิตใจยังมีความต้องการอยู่อีกมาก ซึ่งผู้ปกครองสามารถที่จะคิดวิเคราะห์หรือคิดนึกขึ้นมาได้ โดยให้นึกไปว่าเมื่อครั้งที่เรายังเด็กอยู่นั้นเราต้องการอะไรจากผู้ใหญ่ ประเด็นที่เราคิดออกนั้นคือสิ่งที่ลูกต้องการจากเรา เมื่อเลี้ยงดูให้เด็กมีความสุขสบายเป็นอย่างดีแล้ว ก็ไม่อยากให้ลืมเรื่องการอบรมทางด้านคุณธรรมและจริยธรรมด้วยซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาปัญญาด้านอารมณ์ที่สำคัญยิ่ง
[ ที่มา..นิตยสารบันทึกคุณแม่ No.163 February 2007] / www.sudrak.com
เนื้อหาที่เกี่ยวข้องในบล็อกพี่เปรม
แม่ลูกผูกพัน
อาหารสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อลูกน้อยแข็งแรง
เดือนนี้ก็เป็นเดือนที่ต้องให้ความสำคัญกับ คุณแม่ อย่างมากมาย เพราะเป็นเดือนที่เกี่ยวกับ วันแม่ นั่นเอง ก็เลยนำข้อมูลที่อาจเป็นประโยชน์เกี่ยวกับคุณแม่มือใหม่ ที่เตรียมตัวเตรียมพร้อมรับมือกับหลายๆ สิ่ง วันนี้เลยขอแนะนำเรื่องราวเกี่ยวกับ อาหาร เสียหน่อย แต่ไม่ใช่ว่าจะธรรมดาเกินไป
พัฒนาการเด็ก
เสื้อผ้าเด็กใส่ไปเที่ยว ไปโรงเรียน สวยหล่อน่ารัก
ที่บ้านนี้คุณแม่น้องเปรมไม่ค่อยจะได้ซื้อเสื้อผ้าเด็กมาให้เยอะแยะมากมายเหมือนกับเด็กคนอื่นเลย เพราะตั้งแต่ตอนคลอดใหม่ๆ ญาติๆ เค้าก็สรรหามาให้อยู่ตลอด ก็พวกน้าๆ หลานๆ เค้าก็คลอดตามๆ กันมาหลายคนจนกระทั่งถึงคิวของเจ้าตัวเล็กนี่แหละ เค้าเลยมีผ้าอ้อม
พัฒนาการเด็ก
ลูกพูดเก่งอ่านคล่อง ฉายแววเด็กฉลาด
"ภาษา" เป็นสิ่งสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการอันล้ำหน้าของมนุษย์ จากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์พบว่าพัฒนาการทางภาษาส่งผลต่อพัฒนาการด้านอื่นๆโดยรวมของเด็ก ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญระหว่าง
อาหารสำหรับคุณแม่
อ่านนิทานให้เด็กวัยอนุบาลฟังก่อนนอน
ขึ้นชื่อว่านิทาน มักมีคติสอนใจให้ผู้ฟังอยู่เสมอ แม้ว่าบางเรื่องอาจต้องใช้ความคิดสลับซับซ้อนไปบ้างก็ตามแต่ก็อยู่ในวัยที่แต่ะละช่วงนั้นๆ ไป จะว่าไปแล้ว เด็กในวัยอนุบาลอย่างน้องเปรม คงไม่อาจจะอ่านเรื่องที่เกี่ยวกับวรรณกรรมซีไรต์ ที่ผู้แต่งนั้นสอดแทรกแนวคิดตลบอบอวลไปด้วยปรัชญา
พัฒนาการเด็ก
พัฒนาการของลูกน้อย
ข้อมูลแสดงการพัฒนาการของเด็กเล็ก ตั้งแต่แรกเกิด ถึง 6 เดือน จะมีความต้องการหลากหลาย แต่มีความต้องการหลักๆ ไม่กี่อย่าง ต้องการความอบอุ่นทางร่างกายโดยการพันผ้ารอบตัวของเด็ก ต้องการความอบอุ่นทางจิตใจจากสัมผัสอันอบอุ่นของแม่ ต้องการดูดนมจากอกแม่
แม่ลูกผูกพัน
สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตที่ควรสอนให้ลูก
หน้าที่ของพ่อแม่คือ การอบรมสั่งสอนให้ลูกเป็นคนมีความอดทน มีความพยายาม รวมทั้งมีใจขวนขวายหาความรู้ อีกทั้งสอนให้ลูกมีทักษะในการพูด อ่าน เขียน ครอบครัวเป็นสถาบันที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นของการพัฒนาการเรียนรู้สำหรับเด็ก