ตรวจการบ้านลูกทุกครั้ง

เคยไหมครับ ถ้าคุณเป็นผู้ปกครองแล้วไม่มีเวลาแม้แต่จะสอนลูกทำการบ้าน ผมคิดว่าตอนแรกผมจะมีเวลาเต็มที่ แต่ไปๆ มาๆ มันก็พลาดเพราะบางทีเราก็เหนื่อยจากการทำงานและยิ่งอายุมากขึ้นก็ต้องประสบกับปัญหาเหนื่อยง่าย อะไรที่อยากจะทำก็ไม่ค่อยได้เต็มที่ เรื่องลูกก็เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องการเลี้ยงลูกให้ฉลาด การตรวจการบ้านและการสอนการบ้านให้ลูก

ถึงแม้ว่าเราอาจจะเคยผ่านการเรียนมาแล้วจนถึงขั้นระดับปริญญา แต่หลักสูตรการเรียนการสอนเราก็ไม่ได้รู้ครอบคลุมไปเสียทุกเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการเรียนการสอนของแต่ละโรงเรียน ลูกผมเรียนในโรงเรียนอนุบาลชื่อดัง ระบบการเรียนการสอนค่อนข้างจะแปลกไม่เหมือนที่เคยเรียนมา และเด็กสมัยนี้เหมือนจะมีการแข่งขันสูงทำให้ต้องรุดหน้าเรื่องการเรียนมาก จำได้ว่าสมัยเรากว่าจะเขียนหนังสือได้นี่ต้องอยู่ประมาณ ประถม 2-3 แต่ปัจจุบัน อนุบาลเค้าอ่านออกเขียนได้กันแล้ว การเลี้ยงลูกให้ฉลาดนี่ เหนื่อยจริงๆ หากใครคิดว่าเป็นผู้ปกครองแล้วผลักภาระไปให้ครูที่โรงเรียนล่ะก็ อย่าเชียวนะครับ

จากที่ผมไม่มีเวลาและละเลยการใส่ใจเรื่องการเรียนของลูกไปพักหนึ่งประมาณ 1 ภาคเรียนได้ แต่ก็พลาดครับ น้องเปรมจบ อนุบาล 3 เรียบร้อย และมีสมุดผลการเรียนให้ดูโดยที่คุณครูเค้าสรุปเอาไว้เป็นเล่มๆ และผลการสอบวัดผล (น่าแปลกที่เด็กวัยอนุบาลก็มีการสอบวัดผลด้วย) การเลี้ยงลูกให้ฉลาดนี่ ยากจริงๆ ด้วยแฮะ และผมก็พยาดไม่ได้ตรวจโดยละเอียดมากนักจนน้องเปรมเข้าเกรด 1

หลักจากผ่านการเรียนมา 1 ภาคเทอมผมเริ่มจะมีเวลาให้ลูกมาขึ้นจนมีเวลานั่งเปิดอ่านหนังสือการบ้านที่ลูกทำและส่งคุณครู คะแนนส่วนใหญ่เห็นคุณครูขีดถูกๆๆ เราก็ไม่ค่อยมั่นใจหรอกว่าลูกจะเรียนได้ขนาดนี้ คือสำหรับผมแล้วแค่อ่านออกเขียนได้ในระดับนี้ก็ถือว่าอัจฉริยะมากแล้ว แต่หลังจากดูสมุดการบ้าน มีบางรายการผมอดคิดไม่ได้ว่าลูกทำได้เหรอ เค้าเข้าใจเหรอ เพราะลองถามเจ้าตัวเล็กดูเค้าก็ไม่เห็นว่าจะมีท่าทีตอบคำถามได้ตรงกับคำตอบเลย ห่วงแต่เล่นซะมากกว่า หลังๆ ก็เริ่มต้องเข้มงวดในเรื่องการเขียนอ่านพอสมควร

ส่วนผลการเรียนที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจจนกระทั่งบังเอิญเผลอหยิบสมุดการบ้านเค้าติดมือมาที่ทำงาน และได้นั่งดูพร้อมกับอมยิ้มไป กว่า 80% ออกมาดี (ก็ยังไม่อยากเชื่ออีกว่าลูกเราจะทำได้) พลิกไปพลิกมาไปเจออันนี้เข้า ที่ปรากฏตามรูป

การเลี้ยงลูกให้ฉลาด

ที่ผมเจอผ่านๆ มี 2 หน้า แต่น่าจะมีอีก แต่ผมปิดหนังสือแล้ว และสมองก็ครุ่นคิดใหม่ เนื่องจากเรื่องแบบนี้กรณีนี้ มันผ่านไปหลายเดือนแล้ว จนน้องเปรมจบอนุบาล 3 ไปแล้วด้วย ปวดหัวไปก็เปล่าประโยชน์ หาทางแก้ในสิ่งที่จะมาถึงดีกว่า เรื่องนี้ก็เอาไว้เป็นบทเรียน

การเลี้ยงลูกให้ฉลาด

ครับ ดังที่เห็น น้องเปรมทำการบ้านผิด แต่คุณครูก็ยังคงตรวจและให้คะแนนถูก ไม่รู้ว่ามันจะเป็นเหมือนกับเด็กอีกหลายคนในห้องหรือในสถาบันการศึกษาอื่นอีกไหม แต่เท่าที่ผมดูสมุดการบ้านลูก น้อยครั้งมากที่จะเจอการกากบาทที่บ่งบอกว่าผิดจากครูผู้ตรวจ และหากเจอผมจะรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อคิดว่าครูยังพอมีเวลาตรวจการบ้านเด็กๆ ได้อย่างถูกต้อง แต่เจอกรณีนี้ ผมก็ไม่ได้โทษใคร ครูอาจตรวจการบ้านเด็กๆ หลายคนอาจเบลอ หรือพลาดไปได้เป็นปกติ ทางแก้มีทางเดียวคือผู้ปกครองอย่างเราที่จะต้องสนใจลูกมากขึ้นกว่าเดิม

เราสามารถแก้ได้ด้วยการ ตรวจซ้ำสอง และบอกถึงสิ่งที่ถูกต้องได้ เพื่อเป็นการแก้ไขให้เค้าได้เรียนรู้ การทำการบ้านผิดไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะเมื่อผิดเรายังเรียนรู้ได้ว่าผิดอย่างไร และควรแก้ไขอย่างไรให้ถูกต้อง ต่อไปนี้ผมก็จะขอบอกว่าผมจะพยายามหาเวลาตรวจการบ้านลูก สอนการบ้านลูก และดูแลเอาใจใส่ในสิ่งที่เค้ากำลังเรียนรู้ เพื่อที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพต่อไป

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องในบล็อกพี่เปรม

สถานศึกษา

โรงเรียน อนุบาล บ้านวังทอง

ก่อนลูกจะเข้าเรียน ก็ไม่คิดหรอกว่าจะให้เรียนที่ไกลบ้าน แต่ก่อนนั้นก็พยายามสรรหาโรงเรียนต่างๆ สารพัดสารเพ ละแวกบ้านล้อมวงออกไปเป็นรัศมีหลายสิบกิโลเมตร ก็หาไม่ค่อยจะได้ เพราะต้องการแบบที่ตรงกับใจ เลยท้อใจล่ะ เริ่มคิดว่า น่าจะสอนเองอยู่กับบ้านได้นี่นา แต่ที่บ้านก็คัดค้าน

พัฒนาการเด็ก

เด็กวัยอนุบาล ต้องการอาหารเสริม

เชื่อแล้วว่ามีผลจริงๆ กับคุณค่าสารอาหารที่ครบหมู่ และต้องมีการเพิ่มเติมสิ่งสำคัญจำเพาะออกไปตามแต่ความต้องการ เพราะเด็กในวัยอนุบาลนั้น กำลังมีพัฒนาการด้านสมองและร่างกายอย่างสูงสุด เด็กวัยขวบปีแรกจนถึง 5 ขวบต้องการสารอาหารที่ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อร่างกายและสมอง

พัฒนาการเด็ก

สร้างศักยภาพสมองให้ลูก

ทารกรับรู้กลิ่นและรสได้อย่างไรนะ เป็นข้อสงสัยที่นำไปสู่การศึกษาวิจัยเพื่อหาคำตอบชองบรรดานักวิทยาศาสตร์ค่ะ โดยเขาเห็นว่าการรับรู้เรื่องกลิ่นและรสของทารกนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด

พัฒนาการเด็ก

ลูกคิดเป็น เล่นอย่างไร

คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ ก็คงจะพอรู้มาบ้างแล้วใช่ไหมคะว่า การละเล่น ช่วยเสริมพัฒนาการด้านต่างๆโดยเฉพาะเรื่องของ "สมอง" ให้กับลูกของเรา แต่ก็ยังเกิด คำถามตามมาอีกว่า แล้วเราควร ให้ลูกเล่นอย่างไรดี

สถานศึกษา

ปวดหัวกับหลักสูตรการเรียนปัจจุบัน

ผมล่ะเบื่อที่สุดกับการขอร้องแกมบังคับให้เจ้าลูกชายหันมาอ่านหนังสือ ปกติน้องเปรมจะเป็นคนที่ชอบหนังสือมาก ตั้งแต่ตอนยังเล็กก็ชอบเอาหนังสือรูปกาตูนมาให้ทายเล่น เอามาชี้ๆ ถามพ่อแม่เสียงเจื้อยแจ้ว แต่ตั้งแต่รู้จักกับหนังสือ ดรุณศึกษา น้องก็ไม่ค่อยจะชอบ

โรคในเด็กเล็ก

ไอหรือจาม ประมาณไหน ถึงต้องให้แพทย์ดู

จากการที่ได้คุยกับคุณหมอมาหลายๆ ครั้ง ในตอนที่น้องเปรมเอง ไม่สบายหยุดเรียนไปประมาณอาทิตย์กว่าเห็นจะได้ ก็ได้ความรู้ใหม่มาแบ่งปันกัน ก็คือว่า พ่อแม่มือใหม่มักจะมีคำถามบ่อยๆ ว่า ลูกไอ หรือ ลูกจาม ต้องรุนแรงประมาณไหนถึงจะพาไปหาคุณหมอได้ แล้วถ้าเรามีจุดสังเกตุอาการไอ หรือ จาม