เรื่องนี้จริงๆ ไม่อยากเขียน เอาเป็นว่า ผู้ปกครองอยากระบายก็ละกัน และอีกอย่าง เรื่องของน้องเปรมเองก็ไม่ค่อยได้เขียนมานานแล้ว วันนี้เป็นโอกาสดีที่คุณพ่อจะมาบ่นๆ เกี่ยวกับเรื่องลูกและเรื่องคนใกล้ชิดกันซักนิด ทั้งเรื่องของเด็กและเรื่องของผู้ใหญ่เอง ที่ผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจว่า การสอนเด็กให้ทำแบบนี้ อนาคตเค้าจะโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหนกัน
ผมเองก็ยอมรับว่าไม่ใช่คุณพ่อดีเด่นที่สอนลูกดีทุกเรื่อง หลายเรื่องคนอื่นอากไม่เห็นด้วยและเห็นว่าดูแย่ไปด้วยซ้ำ แต่เรื่องนี้ผมเห็นว่าพ่อแม่คนอื่นดูแย่ไปเลยสำหรับผม เอาเป็นว่ามาฟังกันดูดีกว่า ว่าในอนาคต พวกเค้าจะเป็นอย่างไรหากนับเวลาจากวันนี้เป็นต้นไป ที่เราผู้เป็นพ่อแม่ก็จะสอนลูกในแบบที่เราคิดว่า ดีที่สุดสำหรับเค้า ต่อไปอย่างนี้
เมื่อคืนผมสอนน้องเปรมให้อ่านหนังสือเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ไทย น้องคงไม่คุ้นกับคำราชาศัพท์มากนักเลยอ่านผิดๆ ถูกๆ ประกอบกับการเจอศัพท์แบบนี้ทำให้คำง่ายๆ ที่เคยอ่านจนชินกลับกลายเป็นยากไปเหมือนกัน พาลจะไม่อ่าน จึงต้องลงโทษกันนิดหน่อย อีกประการคือตัวเค้าเหมือนจะเป็นไข้ ตัวร้อน ผมเดาว่าน่าจะปวดหัว ก็เลยดุและงอนลูกไปนิดนึงประมาณไม่คุยด้วย เค้าเลยวิ่งไปหาแม่เค้าแล้วซักพักก็พากันเข้านอน แม่เค้าก็กล่อมไปตามปกติ
ซักพักเด็กๆ หลับกันหมดแม่เค้าออกมาบอกผมว่า น้องเปรม ถามเธอว่า “ในวันที่ผมแข่งกีฬาสี ทำไมป๊าไม่ไปรับผม ปล่อยให้ผมนั่งอยู่กับเพื่อน 2 คนและต้องกลับกับรถโรงเรียนในตอนเย็น ผมก็รอคิดว่าป๊าจะมารับแต่ก็ไม่เห็นมา” ผมงี้น้ำตาแทบไหล ไม่คิดว่าลูกจะรื้อความในวันนั้นขึ้นมาพูดกับแม่เค้าอีก แสดงว่าเค้ารู้สึกไม่ดีที่ผมทำเป็นไม่พูดไม่สนใจเค้า เหมือนเค้าถูกทิ้ง และผมนั่งนึกๆ ดู วันนั้นเค้าคงรอตั้งแต่บ่าย 3 โมงจนถึง 5 โมง ชะเง้อคอยพ่อที่จะมารับเค้า
จริงๆ ในวันนั้นลูกไม่ได้บอกว่าจะให้ไปรับ ปกติเวลามีกิจกรรมลูกจะบอกว่าผมกลับเร็วนะป๊าจะไปรับไหม หรือบอกเลยว่าป๊าต้องไปรับผม แต่วันนั้นไม่ได้บอก บอกแค่ว่ามีแข่งกีฬาสีทั้งโรงเรียน ผมก็คิดว่าไม่ต้องไปรับ ให้กลับกับรถโรงเรียนได้ตามปกติ แต่อะไรที่ทำให้ลูกคิดว่าผมละเลยเค้าล่ะ? ปกติวันกิจกรรมอื่น เค้าก็รอจนถึงเวลากลับกับรถโรงเรียนในหลายครั้ง ไม่ใช่มีแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ลูกไม่น่าจะคิดว่าพ่อละเลยเขา
ความเพิ่งกระจ่าง เมื่อผมถามว่า แล้วน้อง…กับน้อง… (ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับน้องเปรมและเรียนที่เดียวกัน) ไม่อยู่ด้วยเหรอ แม่เค้าพูดต่อว่า น้อง…และน้อง…พ่อแม่เค้ามารับกลับเอง ผมเลยถามแบบสงสัยว่า อ่าว..? แล้วทำไมปล่อยให้น้องเปรมอยู่คนเดียวล่ะ ทุกครั้งที่เราไปรับน้องเปรมเอง ไม่ว่าจะงานไหนวันอะไร เราจะโทรบอกพ่อแม่เค้าทุกครั้ง หากเค้าบอกให้รับมาก็จะรับกลับมาพร้อมกันเพราะเป็นญาติกัน บ้านใกล้กัน แถมน้องเปรมขึ้นรถโรงเรียน เค้าก็ต้องไปลงบ้านของเด็กสองคนนี้อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่รับน้องกลับมาด้วยกัน
ผมเลยถามหาข้อมูลอื่นๆ เป็นอันว่าได้เรื่อง ทุกๆ ครั้งที่ผู้ปกครองของเด็กสองคนมารับกลับบ้าน ไม่เคยมีครั้งไหนที่เค้าจะหันมาแลน้องเปรมและรับกลับไปด้วยกัน เด็กคงสงสัย ลูกผมคงสงสัยทำไมพี่..กับน้อง..ถึงกลับได้ ทำไมน้า…ถึงไม่รับผมไปด้วยกัน และต่ากันที่เวลาผมกับแฟนไปรับน้องเปรม ผมก็จะรับเด็กๆ สองคนกลับมาส่งบ้านด้วย เพราะทั้งสองคนก็เรียนอยู่ห่างชั้นกับน้องเปรมแค่ 1 ปี อายุก็ไล่เลี่ยกัน ทำไมเค้าถึงทำแบบนั้น ผมคิดในแง่ดีคือ เค้าอาจพาลูกๆ เค้าไปธุระต่อมั้ง แต่เวลาเราพาลูกๆ เราไปธุระต่อ ทำไมเรายังใจดี เอาเด็กๆ ไปด้วย ไม่ว่าจะไปกินโน่นนี่ ไปทำนั่นนี่ เด็กๆ อยู่ด้วยกันก็สนุกสนาน แต่ทำไมเค้าทิ้งน้องเปรมเอาไว้ แล้วไม่เคยบอกซักคำว่าจะไปรับ หรือมันไม่ใช่หน้าที่ มีหลายครั้งที่น้องเปรมต้องนั่งรถโรงเรียนกลับโดยที่ไม่มีพี่…และน้อง… แต่พอมาถึงบ้านก็เจอกับเด็กสองคน
ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเค้าคงมีอคติกับครอบครัวเราหรือเปล่า? เราอาจไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจอะไรหรือเปล่า? ผมก็นึกไม่ออก และผมดูนิสัยของน้อง…ซึ่งเป็นลูกคนโตของเค้า เวลาน้องเปรมเล่นด้วยเค้าก็จะเล่นกันตามปกติ แต่เวลาเพื่อนน้อง…มาหา เค้าจะทิ้งน้องเปรมเลย ทิ้งแบบไม่สนใจ มีบ่อยครั้งผมเคยแอบได้ยินเค้าไล่น้องเปรมกลับบ้านด้วย เหมือนว่าเพื่อนเค้ามาแล้วนายกลับไปได้แล้ว ไม่ต้องการแล้ว เหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ที่เค้าพอใจก็ทิ้งของเก่า แต่น้องเปรมไม่ใช่ของเล่น เค้ามีความรู้สึก แล้วน้องจะคิดยังไง ที่พี่เค้าไล่เค้ากลับบ้าน ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ก็ยังเล่นกันอยู่ดีๆ เค้าไปทำอะไรผิด ฯลฯ ประมาณนี้
ถึงเด็กจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่เรื่องบางอย่างเค้าอาจฝังใจ ครอบครัวเราคงไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจล่ะมั้ง แต่ขอสาบานเลย มันไม่ใช่เพิ่งเกิด มันเกิดมานานแล้ว หลายครั้งแล้วจากข้อมูลที่ผมพบ ยืนยันด้วยปากของผู้ใหญ่หลายๆ คน ดูเหมือนว่าปัญหาของผู้ใหญ่ อาจทำให้เด็กมีปัญหาในวันข้างหน้า เรื่องไม่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ที่ทำร้ายเด็ก และเรื่องของเด็กๆ ที่อาจทำให้ผู้ใหญ่ทะเลาะกัน
ต่อไปเราก็อยู่ของเรา แม้จะเป็นญาติ แต่สิ่งที่เค้าทำมันเหมือนเราไม่ได้ถูกนับให้เข้ากลุ่มด้วย เราคงไปทำอะไรผิดเข้าโดยที่เราก็ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรผิด เราคิดดีทำดีและใจดีเกินไป ไม่รู้ว่ามีคนที่จะคอยทำร้ายเราอยู่ในทุกๆ ที่ จริงๆ ไม่ใช่แค่กรณีนี้ที่เราเหมือนถูกทำร้าย มันมีอีกหลายกรณีที่คงจะพูดกันไม่หมด แต่นี่เป็นเพียงแค่เรื่องที่ คุณพ่อน้องเปรมบ่นเท่านั้น
ต่อไปเราคงต้องสอนให้ลูกเป็นคนที่เห็นแก่ตัวบ้างก็ดี ว่ามะ เพื่อจะได้อยู่ในสังคมเน่าๆ นี้ให้รอดไปถึงวันข้างหน้า
เนื้อหาที่เกี่ยวข้องในบล็อกพี่เปรม
สถานศึกษา
เด็กเรียนเก่งในชั้นเรียน
วันนี้ได้มีโอกาสมาดูเด็กๆ เรียนหนังสือและได้ใกล้ชิดถึงในห้องเรียนกับโครงการ Present IEC หรือ หลักสูตร International English Class ที่มีจุดประสงค์สำหรับให้เด็กๆ เตรียมความพร้อมเพื่อต่อยอดเข้าโครงการสำหรับภาคเรียนอินเตอร์ หากผู้ปกครองสนใจที่จะให้บุตรหลานเข้าเรียน
เด็กกับอารมณ์
ทำยังไงดีกับลูกขี้วีน
ไม่ใช่ว่าจะสามารถปรามพยศ หรือกำจัดนิสัยชอบเหวี่ยง หรือขี้วีนของลูกได้แล้วหรอกนะ แต่อยากจะมาแชร์ความรู้สึกและวิธีรับมือว่า น่าจะประมาณนี้แหละ เพราะนี้ก็ได้ดูข้อมูลมาจากคุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านแล้ว กับ
เด็กกับอารมณ์
เมื่อเจ้าตัวน้อย ต้องนั่งรถโรงเรียน
ก็ไม่อยากจะให้ขึ้นรถโรงเรียนมากเท่าไหร่ หากไม่จำเป็นก็คุณพ่อเค้าดันย้ายที่ทำงานมาใกล้บ้าน มันก็ดีอยู่หรอกที่ใกล้บ้าน กว่าเดิม แต่ก็ไม่ดีเท่าไหร่ที่หากว่าจะไปทำงานสายทุกวันบ่อยๆ จริงๆ เราก็คุยกันบ่อยๆ ว่าจะรับส่งเอง หรือว่าจะใช้บริการรถรับส่งนักเรียนดี พอเอาเข้าจริงๆ คงตัดใจใช้บริการดีกว่า เพราะเหตุผลหลายอย่างเช่น
สถานศึกษา
โรงเรียน อนุบาล บ้านวังทอง
ก่อนลูกจะเข้าเรียน ก็ไม่คิดหรอกว่าจะให้เรียนที่ไกลบ้าน แต่ก่อนนั้นก็พยายามสรรหาโรงเรียนต่างๆ สารพัดสารเพ ละแวกบ้านล้อมวงออกไปเป็นรัศมีหลายสิบกิโลเมตร ก็หาไม่ค่อยจะได้ เพราะต้องการแบบที่ตรงกับใจ เลยท้อใจล่ะ เริ่มคิดว่า น่าจะสอนเองอยู่กับบ้านได้นี่นา แต่ที่บ้านก็คัดค้าน
โรคในเด็กเล็ก
พ่ออายุมาก เสี่ยงมีลูกเป็น ออทิสติก
ผลการวิจัยจากศาสตราจารย์ชื่อดังในต่างประเทศนั้นระบุได้ว่า จากการศึกษาและทดลองในหนูทดลองแล้ว สามารถสรุปและชี้ให้เห็นแนวโน้มที่ว่า เด็กที่เกิดจากพ่อที่มีอายุมาก จะมีการเปลี่ยนแปลงทางยีนที่เกี่ยวข้องกับการเป็น ออทิสติกและโรคสมองเสื่อม
เด็กกับอารมณ์
การเลี้ยงลูกไม่ให้เป็นเด็กเผด็จการ
ในวันที่ลูกถูกเลือกให้เป็น หัวหน้าห้อง หรือเป็นหัวหน้ากลุ่ม ถือเป็นข่าวดีที่สร้างความภูมิใจให้กับพ่อแม่ได้ไม่น้อย แต่การเป็นผู้นำของลูก หากไม่มีบทบาทของการเป็นผู้นำที่ดี เช่น รับฟังความคิด หรือให้โอกาสคนอื่นได้คิด และตัดสินใจ โอกาสที่ลูกจะกลายเป็นผู้นำแบบเผด็จการย่อมเป็นไปได้สูง