ไม่รู้ครอบครัวใครเป็นเหมือนครอบครัวเรามั่งนะ ใช้บริการรถโรงเรียน แต่ต้องขับรถออกไปส่งลูกที่จุดรับอีกแห่งหนึ่งก่อน ไม่ใช่ที่บ้าน ครอบครัวคนอื่นเค้าน่าจะมีรถมารับถึงหน้าบ้านเลยก็คงเป็นได้ จะมีซักกี่ครอบครัวกันนะที่เป็นแบบครอบครัวเรา น้องเปรม คุณพ่อ คุณแม่ และน้องตัวเล็กอีกคนที่เพิ่งจะลืมตาดูโลก เราทั้งหมดพยายามสร้างความรักและเอาใจใส่แก่ลูกๆ ทุกคนให้เท่าเทียม ไปไหนไปกันแม้จะลำบากบ้าง ก็เต็มใจ
พอดีบ้านของเราอาจจะอยู่ในถิ่นที่เรียกกันว่า ทุรกันดาร นิดนึง แม้จะอยู่ในเขตปริมณฑล แต่ความเจริญก็ไม่ได้เท่าเทียมกับคนในเมืองนะคะ เหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง ยิ่งบ้านเราเองไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน เป็นแค่บ้านเดี่ยวมีเนื้อที่เป็นของตัวเอง แต่อยู่ในที่ตั้งที่ยังมีคนอาศัยกันน้อย มีแต่สวน ไร่ และนาเสียส่วนใหญ๋ หนทางเลยยังเป็นลูกรัง หลุม บ่อ เลน เข้าออกทีนึงก็ลำบาก หญ้ารก น้ำท่วม ถนนลูกรังสลับหลุมบ่อ สังเกตุจากรถที่เราใช้ ต้องยกสูงโฟลวิลเท่านั้น รถเก๋งเข้าไม่ได้เลย หลุม บ่อ น้ำท่วมทางเละเทะมาก เราก็เกรงใจรถโรงเรียน ไม่อยากให้มาลำบาก เลยนัดเจอกันที่บ้านน้าสาว เป็นจุดรับส่งน้องเปรมไปโรงเรียน ช่วงแรกก็ขลุกขลักบ้าง เพราะถนนที่เป็นซอยเข้าไปยังบ้านน้าเพิ่งจะถมใหม่ๆ เป็นลูกรังเหมือนกัน ดีหน่อยที่ยังเรียบกว่าถนนที่เข้าบ้านเราเอง แต่ก็สงสารน้าคนขับรถเกรงใจคุณครูที่มาด้วย เกรงใจเด็กๆ ในรถ ก็ถนนบ้านเรามันเป็นแบบนี้ จะทำอย่างไรดี ทำยังไงก็ไม่มีเจ้าหน้าที่มาทำให้มันดี ต้องอยู่กันไปตามเวรตามกรรม
หลังๆ เลยตัดปัญหา นัดรับน้องเปรมที่สะพานตรงข้ามโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง ใกล้ทางเข้าบ้านน้าพอดี คิดว่ารถโรงเรียนเข้ามาแล้วสะบายที่สุด เราเห็นใจคนอื่นมากกว่าตัวเองไปหรือเปล่า คิดว่าหากเข้าไปบ้านน้าอีกอาจเสียเวลาเอาได้ แต่ตอนส่งกลับให้มาส่งที่บ้านน้า แต่บางวันคุณตาน้องเปรมก็มาดักรอที่จุดส่งในตอนเช้าเพื่อรับน้องกลับบ้าน ถ้าคุณพ่อน้องเลิกงานแล้วเค้ามาทันก็จะรับเองไม่ต้องให้รถโรงเรียนเข้าไปส่งที่บ้านน้า ยกเว้นฝนตก แต่ตามปกติก็ต้องเข้าไปส่งที่บ้านน้า ก็เราชำระค่ารถเต็มจำนวนนี่คะ คิดตามระยะทางด้วยคงจะไม่แปลกหากจะมีจุดรับส่งเป็นหลักแหล่ง
ตอนเช้าลูกเราก็ต้องตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะเป็นคนแรกที่รถโรงเรียนต้องมารับ สงสารลูกมากกลัวนอนไม่พอ เลยต้องให้นอนแต่หัวค่ำตื่นแต่เช้า กลับจากเรียนในตอนเย็น ถึงบ้านน้าประมาณ 5 โมงกว่าๆ วันไหนกลับเร็วก็มีเวลาเยอะหน่อย บางวันหากต้องไปซื้อของกัน น้องก็ต้องเข้าบ้าน 6 โมงหรือทุ่มนึง ถ้าไม่ได้ไปด้วยก็ต้องอยู่บ้านน้าก่อน เพราะต้องกลับพร้อมคุณแม่คุณพ่อที่ต้องมารับเข้าบ้าน กลับบ้านมานี่เล่นได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องนอนแล้ว อาบน้ำ กินข้าว 2 ทุ่มกว่าๆ ก็ต้องนอนแล้ว ตื่นประมาณ 6 โมงเช้า ถ้าช้ากว่านี้อาจสายได้ เพราะน้องทานข้าวนาน กว่าจะทานเสร็จต้องคาดคั้นกันบ่อย น้องเปรมเพิ่งจะ 4 ขวบกว่าๆ เองนี่นา กว่าจะได้อาบน้ำ แต่งตัว ปาเข้าไปเกือบ 7 โมงเช้าแล้ว ไหนคุณพ่อก็ต้องอาบน้ำแต่งตัว ไหนคุณแม่ต้องอาบน้ำแต่งตัว ดูลูกอีกคน จัดแจงทำกับข้าว ฯลฯ วุ่นวายมาก บางวันทานไม่อิ่ม…แต่ต้องไปเรียนแล้วไปนั่งหลับในรถโรงเรียนเอา หิวก็ต้องทนจนกว่าจะถึงโรงเรียน ต้องหาอะไรให้ทานเล่น รองท้องในรถ ทั้งนม ทั้งขนม
อาจเป็นเพราะบ้านเราอยู่ในถิ่นที่ไม่ปกติ ช่วงมหาวิทยาลัยรับปริญญากัน รถโรงเรียนและคุณครูจะบอกว่ารถติดมาก ต้องเร่งน้องให้มาเร็วกว่าเดิม ก่อนนั้นนัดประมาณเช้าช่วง 7.10 น. เราอาจเลทนิดหน่อย 7.20 ไม่เกินนี้ยกเว้นรถมาช้าเราก็รอ ไปทำงานสายก็ยอมเพื่อลูก วันไหนฝนตกรถโรงเรียนช้า เรารอถึง 9 โมงกว่าก็มี ขับไปรอหน้าบ้านน้องคนอื่นที่ต้องขึ้นรถก็มี เราไม่อยากให้ลูกสายหรอก บางวันเค้าทานข้าวไม่อิ่ม แอบหิวที่โรงเรียน เลยอาจไปมองๆ เพื่อนๆ ที่เค้าทานอาหารเช้ากัน คุณครูเลยจัดแจงให้ทานที่โรงเรียน เรายินดีจ่ายค่าอาหารเช้าให้ลูกเพื่อให้เค้าอิ่มท้อง หากอยากทานที่บ้านก็ให้ทานรองท้องไปก่อน ไปถึงโรงเรียนก็ทานอีกเอาให้อิ่ม ไม่เคยได้ไปดูว่าลูกทานจริงหรือเปล่า อันนี้ไม่เป็นไร รับได้ จ่ายเงินแล้ว ทานไม่ทานอีกเรื่องนึง คุณครูแนะนให้น้องเปรมทานในรถ ไม่ไหวค่ะ จากบ้านใช้เวลา 10-15 นาทีก็ออกมาหน้าปากซอยได้แล้วน้องทานไม่ทันอิ่ม แถมจะหกเลอะรถ เพราะหนทางวิบากมาก ที่สำคัญน้องไม่ชอบทานข้าวบนรถเลย เราก็ไม่อยากให้ลูกทานข้าวบนรถ
กลับมาที่จุดรับส่ง ที่เดิมอาจมีปัญหาเพราะน้องแถวคลอง 7 มีเพิ่มมาอีกคน น้องเปรมคนแรก รถโรงเรียนนัด 7.10-7.20 น. แต่ช่วงรถติดไม่อยากเข้ามา เลยนัดหน้าที่ทำงานคุณพ่อเค้า ต้องขับไปไกลประมาณ 10-15 นาทีจากจุดรับในตอนแรก เราก็ยอม ตื่นเช้ากว่าเดิมอีก 10-15 นาที คุณพ่อไม่เคยเข้างานเช้าขนาดนี้ (เข้างานปกติ 8.30 น) ก็ต้องยอมเพราะนัดหน้าที่ทำงานเลย ทั้งคุณแม่คุณพ่อและน้องตัวเล็ก ก็ต้องจัดแจงให้เสร็จพร้อมกันก่อน 7 โมงเช้า เพื่อขับพาน้องเปรมมาส่งที่จุดนัดหน้าที่ทำงานคุณพ่อในตอน 7.20 ทุกวัน
บางวันก็มาทันเวลา 7.20 น บางวันก็มาช้า 7.30 แต่ไม่เกินนี้ หลายๆ หนเข้ารถโรงเรียนเปลี่ยนจุดรับส่งเป็นหน้าที่ทำงานคุณพ่อน้องเปรมไปโดยปริยาย ทั้งรับและส่ง เราก็ไม่ว่าอะไรเพราะเหตุผลที่ว่ากลัวเด็กจะเข้าเรียนสาย อีกทั้งยังมีน้องที่ต้องไปรับที่คลอง 7 ซึ่งเลยที่ทำงานคุณพ่อน้องเปรมไปอีกหลายกิโลฯ กลัวจะสายไปด้วย
แต่จนแล้วจนรอด เราก็ยังช้ากว่าเวลานัดรับน้องขึ้นรถหรือคะ นัด 7.20 เราสายไป 10 นาที สายบ่อยเรารู้ เราไม่มีเหตุผลจะแก้ตัวหรอกค่ะ แต่ขอให้สงสารพวกเราหน่อยเถอะค่ะคุณครู อย่าหน้าบึ้งกับน้อง กับพวกเราเลย เราพยายามจะให้เร็วแล้วนะคะ ถ้าถนนที่เข้าบ้านทำได้ดี รถวิ่งเข้าบ้านได้สะดวก ไม่เป็นหลุมบ่อ ขนาดวิบากยังอาย ขับรถเร็วก็ไม่ได้อย่างนี้ คุณแม่ผ่าคลอดมา กว่าจะหายอีกหลายเดือน สะเทือนมากก็เจ็บ ถ้าหนทางที่จะไปยังจุดรับส่งมันดีขับลื่นไหล คุณพ่อเค้าคงขับได้เร็วกว่านี้แน่ (นี่ก็ซิ่งแล้วนะคะ) คุณแม่หัวโขกหน้าต่างรถประจำเลย แต่นี่ขนาดรถโรงเรียนยังไม่อยากเข้าไปเลย วิ่งได้แต่รถสูงๆ อย่างกระบะ มอเตอร์ไซด์เท่านั้น สังเกตุดูว่ารถพวกเราลุยโคลนเลอะมาทุกวัน สายแค่นี้เราก็เกรงใจเหมือนกันนะคะไม่ใช่ไม่รู้สึก ถ้ารถโรงเรียนเข้าถึงบ้านได้ น้องเปรมคงจะเสร็จและพร้อมขึ้นรถในตอน 7 โมงเช้าทุกวันแน่นอน แต่นี่มันเป็นไปได้ยากใน 2-3 ปีนี้ เพราะหลายเหตุผลที่ผู้บริหารบ้านเมืองไม่เอาอ่าว
ขอเถอะค่ะ รบกวนอย่าใช้สายตาเหมือนจะตำหนิติเตียนว่า “สายอีกแล้วนะเธอ” หรือ “คุณทำให้พวกเราสาย” เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้ ตื่นเช้ากว่าเดิมน้องก็สุขภาพไม่ดี ยิ่งขี้โรคอยู่ด้วย ลำพังผู้ใหญ่ไม่เป็นไร แต่เด็กๆ จะนอนไม่พอ หากจะตื่นแต่เช้า กลับบ้านก็ค่ำ ความห่างเหินในครอบครัวก็ไม่มี เพราะกลับบ้านมาก็ต้องนอนแต่หัวค่ำแล้ว เราก็คนทำงานทั้งคุณพ่อคุณแม่ กว่าจะกลับบ้านเห็นหน้าลูก ลูกก็หลับแล้ว ไม่อยากให้เป็นแบบสังคมเมืองที่ตัวใครตัวมัน หาทางรอดกันเอาเอง หากเป็นไปได้ก็อยากจะไปส่งน้องเองกับมือ ไม่ต้องรบกวนพวกคุณครูและก็รถโรงเรียนหรอกค่ะ แต่นี่ก็ต้องทำงานเหมือนกันทั้งคู่
จากใจ คุณพ่อคุณแม่น้องเปรม
เนื้อหาที่เกี่ยวข้องในบล็อกพี่เปรม
สถานศึกษา
เด็กเรียนเก่งในชั้นเรียน
วันนี้ได้มีโอกาสมาดูเด็กๆ เรียนหนังสือและได้ใกล้ชิดถึงในห้องเรียนกับโครงการ Present IEC หรือ หลักสูตร International English Class ที่มีจุดประสงค์สำหรับให้เด็กๆ เตรียมความพร้อมเพื่อต่อยอดเข้าโครงการสำหรับภาคเรียนอินเตอร์ หากผู้ปกครองสนใจที่จะให้บุตรหลานเข้าเรียน
สถานศึกษา
ไปดูเด็กอนุบาลสะกดคำอ่าน
ตอนที่คุณพ่อเรียนอนุบาล ก็อาจจะเป็น 30 กว่าปีมาแล้ว ด้วยระบบการศึกษาในชนบทเมื่อ 30 ปีก่อนอาจจะไม่ได้หรูหราหรือทันสมัยเหมือนในปัจจุบัน หนังสือก็มีแค่ มานี มานะ ที่คนรุ่นนั้นน่าจะพอจำได้ดีอยู่ โดยคุณครูจะเริ่มสอนตั้งแต่สระ ค่อยไป วรรณยุกต์ แล้วก็ให้ผสมคำ
พัฒนาการเด็ก
เมื่อเจ้าตัวเล็กกลายเป็น เด็กดื้อ
โอ้ย ทำไมไม่เชื่อฟังล่ะลูก โอย เซ็งกะเค้าจริงๆ เล้ยเจ้าคนนี้ ตายแล้วๆ ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ มานี่เลย โอ้ยๆ เล่นไม่ได้ อย่าสิ เดี๋ยวโดนตีเลยนะ เฮ่อ เด็กดื้อ คนนี้ทำยังไงกับเค้าดีเนี่ย
อาหารสำหรับคุณแม่
อาหารสำหรับแม่ที่ให้นมบุตร
ระยะให้นมบุตรสำหรับคุณแม่นั้น ยาวนานเท่าที่คิดว่าจะให้ได้ แต่ไม่ควรจะต่ำกว่า 6 เดือนเป็นอย่างน้อย คุณแม่บางท่านสามารถที่จะให้นมบุตรได้1 – 2 ปี ดังนั้น คุณแม่ที่ให้นมแก่ลูก จึงควรได้รับพลังงานและสารอาหารเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างสำหรับส่วนที่เสียไป โดยทั่วไปแม่ต้องการสารพลังงานเพิ่มวันละ 500 แคลอรี่
สถานศึกษา
ปวดหัวกับหลักสูตรการเรียนปัจจุบัน
ผมล่ะเบื่อที่สุดกับการขอร้องแกมบังคับให้เจ้าลูกชายหันมาอ่านหนังสือ ปกติน้องเปรมจะเป็นคนที่ชอบหนังสือมาก ตั้งแต่ตอนยังเล็กก็ชอบเอาหนังสือรูปกาตูนมาให้ทายเล่น เอามาชี้ๆ ถามพ่อแม่เสียงเจื้อยแจ้ว แต่ตั้งแต่รู้จักกับหนังสือ ดรุณศึกษา น้องก็ไม่ค่อยจะชอบ
สถานศึกษา
วันแรกที่ อนุบาลบ้านวังทอง รังสิต คลองสอง
ก่อนเข้าเรียนประมาณ 2-3 วัน น้องเปรมดี๊ด๊ามาก เห็นพี่ๆ น้องๆ แถวบ้านสะพายเป้สวยๆ ไปโรงเรียนเวลาพาเค้าไปตลาดทุกเช้าก็บอกว่าอยากไปโรงเรียน