เมื่อลูกต้องย้ายโรงเรียน

เมื่อถึงคราวที่ลูกจำต้องย้ายที่เรียนจากโรงเรียนเดิมไปยังโรงเรียนใหม่ ปัญหาและอุปสรรคไม่ได้เกิดกับลูกอย่างเดียว แต่เกิดกับพ่อแม่ผู้ปกครองอย่างผมและครอบครัวด้วยเหมือนกัน หลายคนมองว่าเด็กวัยอนุบาลการย้ายที่เรียนหมายถึงการย้ายที่เล่น แต่เรื่องจริงไม่ใช่ เพราะหากย้ายเนื่องจากเรียนจบก็ว่าไปอย่าง เค้าจะเข้าใจว่าจบและย้ายหรือไม่ก็ได้ แต่การย้ายที่เรียนโดยที่ยังเรียนไม่จบ ต้องให้เหตุผลที่ถูกต้อง เฉพาะน้องเปรมก็เหลือแค่ปีเดียว แต่ปัญหามีหลายอย่างให้นั่งคิดทบทวนและตัดสินใจ สำหรับเรื่องนี้อาจเป็นปัญหาเด็กๆ ในครอบครัวอื่น แต่เรื่องใหญ่สำหรับครอบครัวเรา

ปัญหาแรกที่เจอ ที่ทำให้ความคิดในเรื่อง ต้องย้ายที่เรียน ย้ายโรงเรียนให้ลูก แม้ลูกจะอยู่แค่ชั้นอนุบาล แต่เพราะเหตุนี้แหละที่จำต้องย้ายไปหาที่เรียนใหม่ เพราะที่เก่าเริ่มเปลี่ยนแนวทางและไม่เหมือนเดิมแล้ว ในอนาคตนั้น การเปลี่ยนแปลงที่ว่าอาจจะดีขึ้นหรือแย่ลงเราก็ไม่รู้ได้ รู้แต่ว่านาทีนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับลูกอย่างมาก

อย่างแรกคือ ผู้อำนวยการโรงเรียนที่นักเรียนหลายคนรักและเทิดทูน แน่นอนหนึ่งในนั้นมีน้องเปรมอยู่คนนึง ได้ลาออกจากโรงเรียนด้วยปัญหาใดไม่ทราบได้ ก่อนนั้นครูผู้สอนน้องเปรมเองก็ลาออกไปหลายคน ตั้งแต่ช่วง อนุบาล 1 ขึ้นอนุบาล 2 ครูที่สนิทกับน้องเปรมก็ลาออกไป 1 ท่าน ขาดครูที่สนิทไปลูกเราก็เหงาแต่ยังมีเพื่อนและคุณครูท่านอื่นอีก

อยู่อนุบาล 2 กำลังจะจบไปขึ้นอนุบาล 3 ผอ. ก็ลาออก คุณครูที่ใจดีกับเด็กๆหลายท่านก็ลาออก เพื่อนๆ หลายคนที่อยู่ในห้องเดียวกับน้องเปรมก็ลาออก โดยเฉพาะเพื่อนผู้ชาย ชิงลาออกไปที่อื่นกันหมด ทิ้งให้น้องเปรมอยู่คนเดียวในห้องที่มีแต่สาวๆ ส่วนเด็กผู้หญิงใครจะลาออกไปที่อื่นบ้างอันนี้คุณพ่อไม่ทราบ รู้แต่ว่า น้องเปรมขึ้น อนุบาล 3 อาจเป็นผู้ชายคนเดียวในห้องเลยก็ว่าได้ เพราะเพื่อนสนิทหลายคน ลาออกไปที่อื่นกันหมด คุณครูประจำชั้นก็ออก คุณครูที่กำลังจะสนิทด้วยก็ลาออก

มันเกิดอะไรขึ้น ลูกเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรขนาดที่จะทำให้ครูลาออกได้ แถมเป็นที่รักต่อเพื่อนๆ และคุณครูทุกคน แต่คุณครูและเพื่อนๆ ทิ้งให้น้องเปรมอยู่ที่เดิมคนเดียว แบบนี้ไม่ต่างอะไรจากการเจอกับเพื่อนใหม่ คุณครูคนใหม่ ระบบอาจเปลี่ยนแปลงไปให้ใหม่ แต่สถานที่เดิม

สำคัญที่ระบบ โรงเรียนไหนมีครูเข้าออกบ่อย น่าจะมีปัญหา ทำให้เด็กขาดความต่อเนื่องในการเรียนรู้ แม้ว่าจะเป็นเรื่องดีที่ขึ้นลำดับชั้นที่สูงขึ้นและมีการสับเปลี่ยนนักเรียนให้หลากหลาย ไม่จำเจ นักเรียนจะได้เจอกับเพื่อนๆ ใหม่ๆ ไม่สนิทกับใครคนนึงมาก ไม่สนิทกับครูคนใดคนนึงมาก แต่การเปลี่ยนเพื่อนไปเลย และลองนึกเล่นๆ พอเปิดเรียนน้องไปโรงเรียนเดิม แต่ปรากฏว่า เพื่อนไม่อยู่กันแล้ว คุณครูก็ไม่อยู่แล้ว แถมอาจไปเจอกับครูใหม่ ที่ผู้ปกครองยังไม่รู้จักดี มาใหม่ทุกอาทิตย์ เป็นผู้ใหญ่ยังแกว่ง นี่เด็กอนุบาล ความรู้สึกจะเป็นยังไง

อนุบาลบ้านวังทอง ในตอนที่ไม่มีครูจิน

ที่เลือกให้ลูกได้เรียนที่นี่ส่วนหนึ่งยอมรับว่าครูจิน วันทนีย์ รัตนบุรี คือเหตุผลหลัก เรื่องรองคือรูปแบบการเรียนการสอนของครูจินอีกนั่นแหละ และสุดท้ายคือ สถานที่ และคุณครูหลายๆ ท่าน รวมทั้งผู้ปกครองหลายๆ ท่านที่ได้รู้จักด้วย แต่มาวันนี้พวกท่านๆ ที่เอ่ยมาทั้งหมด ไม่มีแล้วที่โรงเรียนอนุบาลบ้านวังทอง

เมื่อต้องย้ายที่เรียนให้ลูก เมื่อให้ลูกย้ายโรงเรียน เป็นปัญหาใหญ่ ตอนนี้น้องเปรมกำลังเริ่มเข้า อนุบาล 3 หากย้ายกลางคันไม่รู้จะเป็นผลดีหรือผลเสีย โรงเรียนที่เลือกไว้ในใจมีหลายแห่ง แม้จะอยากให้ลูกได้เรียนโรงเรียนสองภาษา แต่คิดว่าพื้นฐานยังไม่พอเพราะไม่ได้เริ่มมาตั้งแต่ต้น มาเริ่มเอาช่วง อ.3 คงจะปรับตัวไม่ทัน แต่ต้องสอบถามผู้รู้ก่อนว่าความคิดนี้ถูกต้องไหม เพราะเด็กบางคนเรื่องภาษาไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเด็กวัยอนุบาล

น้องเปรมเริ่ม 5 ขวบในกลางปีนี้ ทักษะทางภาษาอังกฤษยังขาดในเรื่องการสนทนา ศัพท์ ไม่แน่ใจว่าโรงเรียนที่อยู่ในหัวคุณพ่อจะเน้นถึงขั้นไหน หากลูกเรียนแล้วไม่ทันเพื่อน กลายเป็นว่า การย้ายโรงเรียนทำให้ไปกดดันเด็ก แต่หากตามทันและเรียนไปไหว ก็กลายเป็นสิ่งที่ดีกับเด็ก ไม่อย่างนั้นก็ต้องสอบถามข้อมูลกันให้หมดก่อน

โรงเรียนที่เลือกเพราะอยู่ใกล้คือ โรงเรียนแย้มสะอาด โรงเรียนสารสาสร์นิเทศวิทยา รังสิต โรงเรียนโชคชัย รังสิต

ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมหนักหนาเหมือนกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้องในบล็อกพี่เปรม

พัฒนาการเด็ก

น้องเปรมกับเด็กๆ อนุบาลบ้านวังทอง

หลังจากเข้าเรียนวันแรก ผ่านไปได้ 1 สัปดาห์ พอเข้าสัปดาห์ที่สอง ก็ป่วยซะแล้ว อ่านะ น้องเปรม เจ้าตัวซนป่วยทีนึง กว่าจะหายเป็นอาทิตย์แน่ะ ทำไงได้ สมัยนี้เชื้อโรคก็เก่งๆ ยาแบบเดิมๆ เอาไม่ไหวหรอก นี่ก็ไม่กล้าให้ไปเรียนเลย

พัฒนาการเด็ก

เมื่อเจ้าตัวเล็กกลายเป็น เด็กดื้อ

โอ้ย ทำไมไม่เชื่อฟังล่ะลูก โอย เซ็งกะเค้าจริงๆ เล้ยเจ้าคนนี้ ตายแล้วๆ ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ มานี่เลย โอ้ยๆ เล่นไม่ได้ อย่าสิ เดี๋ยวโดนตีเลยนะ เฮ่อ เด็กดื้อ คนนี้ทำยังไงกับเค้าดีเนี่ย

สถานศึกษา

งานวันแม่ อนุบาล บ้านวังทอง 12 สิงหาคม 54

วันก่อนได้ไปงานโรงเรียนอนุบาลบ้านวังทอง ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้นทุกๆ ปีแต่ไม่มีโอกาสได้ลงรูป วันนี้เลยเอาลงซะหน่อย เดี๋ยวว่างๆ จะมา update กันอีกในหน้านี้ ทีเดียวเลย ลงวันละรูปจะดีมั้ยน้อ นี่เป็นการ์ดของคุณแม่ๆ ที่ทำให้ลูกๆ เอามาติดบอร์ดหน้าโรงเรียน เห็นแล้วน่ารักมากมาย

เด็กกับอารมณ์

วันเด็ก ก็ได้เรื่อง

วันนี้วันเด็ก เด็กๆ ทุกคนก็สนุกกันไปตามประสาเด็ก แต่ผู้ใหญ่บางคนไม่สนุกด้วย หากว่าลูกสนุกจนเกินตัวแล้วพาลเกิดอันตราย ไม่ว่าจะเกิดกับตัวลูกเอง หรือเกิดกับลูกคนอื่น อันเป็นสาเหตุที่มาจากลูกเราเอง ฯลฯ แต่ยังไงซะ ก็ขอให้เด็กๆ ทุกคนมีสุขภาพดี โตขึ้นมาได้เรื่อง

สถานศึกษา

น้องเปรมหกล้มหน้าไปชนบันได

ว๊ายๆๆ หน้าบวมปูดเลย ตรงหว่างคิ้วพอดี เหมือนไปเสริมดั้งมา จะนั่งขำปนร้องไห้หรือจะร้องไห้ปนขำดีเนี่ย ที่ลูกซนยังกะลิง หกล้มแล้วหน้าไปชนกับขั้นบันไดตรงลานสนามเด็กเล่นภายในโรงเรียนอนุบาลบ้านวังทอง ลูกเราทำไมซนจัง สอบถามครูบอกว่าขนาดเกิดเหตุหนักขนาดนี้ ก็ยังไม่เลิกซน ช่วงเช้าคุณพ่อเค้าพาไปส่งเข้าเรียนแล้วอาการตอนแรกก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เด็กกับอารมณ์

เมื่อเจ้าตัวน้อย ต้องนั่งรถโรงเรียน

ก็ไม่อยากจะให้ขึ้นรถโรงเรียนมากเท่าไหร่ หากไม่จำเป็นก็คุณพ่อเค้าดันย้ายที่ทำงานมาใกล้บ้าน มันก็ดีอยู่หรอกที่ใกล้บ้าน กว่าเดิม แต่ก็ไม่ดีเท่าไหร่ที่หากว่าจะไปทำงานสายทุกวันบ่อยๆ จริงๆ เราก็คุยกันบ่อยๆ ว่าจะรับส่งเอง หรือว่าจะใช้บริการรถรับส่งนักเรียนดี พอเอาเข้าจริงๆ คงตัดใจใช้บริการดีกว่า เพราะเหตุผลหลายอย่างเช่น